“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่ม “ค้างคาวไฟ” บาเลนเซีย ที่เหลือ 10 คน ช่วงท้ายเกม แบบขาดลอยที่สกอร์ 3-0 ทำให้ไล่จี้จ่าฝูงอย่าง “บาร์เซโลน่า” เหลือเพียง 2 แต้ม เท่านั้น ในศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน นัดที่ 29 ของฤดูกาล
เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีการแข่งขันฟุตบอล ลาลีกา สเปน นัดที่ 29 ของฤดูกาล โดยเป็นการพบกันระหว่าง “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ทีมรองจ่าฝูง ต้องเปิดสนาม “เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่” ต้อนรับการมาเยือนของ “ค้างคาวไฟ” บาเลนเซีย ทีมอันดับ 8 ของตาราง

โดยก่อนเกม ทางเจ้าถิ่น “มาดริด” ที่ในเกมนี้หวังที่จะคว้าชัยให้ได้ เพื่อที่จะทำคะแนนไล่จี้ จ่าฝูง บาร์เซโลน่า เหลือเพียง 2 แต้ม เท่านั้น ซึ่งในเกมนี้ กุนซือชาวฝรั่งเศส อย่าง “ซีเนดีน ซีดาน” ยังคงที่จะใช้ผู้เล่นชุดหลักเหมือนเดิม นำโดย 2 ตัวรุก อย่าง “คาริม เบนเซม่า”, “เอแดน อาซาร์” และเสริมด้วย “เฟเด บัลเบร์เด้” ในแดนหน้า
ส่วนทางทีมเยือน “ค้างคาวไฟ” ที่ก็อยากได้ 3 คะแนนเช่นเดียวกัน เพื่อขยับเข้าไปลุ้นโควต้าฟุตบอลยุโรปในปีหน้า โดยนัดนี้ เทรนเนอร์ อย่าง “อัลเบิร์ต เซลาเดส” ได้ส่ง “ดาเนี่ยล ปาเรโฆ” คอยสร้างสรรค์เกมรุก ให้กับ “โรดรีโก้ โมเรโน่” ได้พังตาข่ายในแดนหน้า
ซึ่งเกมในครึ่งเวลาแรก ทั้ง 2 ทีม ยังคงไม่สามารถทำประตูได้ทั้งคู่ แม้ในช่วงนาทีที่ 21 ทีมเยือน บาเลนเซีย เกือบจะได้ประตูขึ้นนำก็ตาม แต่เป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน ทำให้ผู้ตัดสินริบสกอร์คืน ส่งผลให้จบ 45 นาทีแรก เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ยังคงเสมอ “ค้างคาวไฟ” อยู่ที่สกอร์ 0-0
กลับแข่งขันต่อกันอีก 45 นาทีหลัง เจ้าถิ่น “มาดริด” ก็มาได้ประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 61 หลังพยายามหาโอกาสอยู่หลายครั้ง จากจังหวะที่ ” เอแดน อาซาร์” ถอยต่ำไปแดนตนเอง ก่อนจะกระชากมาตรงกลางสนาม
พร้อมกับจ่ายเข้ากลางที่มี “ลูก้า โมดริช” รอบอล และตบคืนกลับไปที่ “เอแดน อาซาร์” ได้สปีดขึ้นมาพร้อมกองหลัง บาเลนเซีย ตรงเส้นกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลบอลเร็วให้ “คาริม เบนเซม่า” ที่วิ่งตีคู่ขึ้นมา ได้ยืนโล่งๆอยู่ทางฝั่งขวา พร้อมกับซัดเข้าประตูไป และยังเป็นลูกที่ 15 ของดาวยิงชาวฝรั่งเศส อีกด้วย
ต่อมา ในนาทีที่ 74 เจ้าถิ่น “ราชันชุดขาว” ก็มาบวกประตูเพิ่มเป็น 2-0 จากจังจังหวะที่ “โทนี่ โครส” เปิดลูกเตะมุมทางด้านขวา เข้ามากลางเขตโทษให้กับ “เซร์คิโอ รามอส” กระโดดโหม่งจังหวะแรก แต่โดนไม่เต็ม
ทำให้บอลกระดอนมาเข้าทาง “แฟร์กล็องด์ เมนดี้” ได้ลากบอลจี้โยกหนี “ดาเนี่ยล วาส” แนวรับของ บาเลนเซีย มาทางเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะส่งบอลย้อนเข้ากลางให้ “มาร์โก อเซนซิโอ” ที่เพิ่งจะถูกเปลี่ยนลงมาไม่ถึงนาที
ได้เอนตัววอลเลย์ด้วยเท้าซ้าย ซึ่งเป็นการสัมผัสบอลครั้งแรกในเกมนี้ทำให้บอลเลี้ยวหนีมือ “เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น” นายด่านทีมเยือน เข้าประตูไปอย่างแม่นยำ
และสุดท้ายเจ้าบ้าน เรอัล มาดริด ก็มาได้ประตูปิดท้าย เป็น 3-0 จากจังหวะที่ ” มาร์โก อเซนซิโอ” ได้บอลจากแดนกลาง ก่อนจะวิ่งหลุดแนวรับทีมเยือนมาแบบโล่งๆ ทางสนามฝั่งขวา แล้วหยอดบอลเข้ากลางเขตโทษไปให้ “คาริม เบนเซม่า” ได้โชว์ทักษะอันสุดยอด
ด้วยการกระดกหลบเกมรับ “ไอ้ค้างคาวไฟ” ด้วยเท้าขวา และยิงตามน้ำด้วยซ้าย ทำให้บอลเหินเสียบใต้คาน เข้าไปตุงตาข่ายแบบงามหยด ในนาทีที่ 86 พร้อมทั้งยังเป็นประตูที่ 2 ของเจ้าตัวในเกมนี้อีกด้วย
แต่แล้ว ทีมเยือนก็ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันย้ำแย่เข้าไปอีก หลังต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน จากจังหวะที่ “อี คัง อิน” กองหน้า ของ บาเลนเซีย ที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 76 ไปเตะนอกเกมใส่ “เซร์คิโอ รามอส” จนทำให้ถูกใบแดงไล่ออกไป ในนาทีที่ 89
ก่อนในช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีทีมไหนทำประตูเพิ่มเติมได้ ทำให้จบ 90 นาที เป็นเจ้าบ้าน เรอัล มาดริด สามารถเปิดบ้านถล่ม บาเลนเซีย ไปได้แบบขาดลอยที่สกอร์ 3-0
ส่งผลให้ “ราชันชุดขาว” คว้า 3 แต้ม ได้สำเร็จ ทำให้เก็บเพิ่มเป็น 62 แต้ม และไล่จี้จ่าฝูง บาร์เซโลน่า เหลือเพียง 2 คะแนน เท่านั้น
กลับกันทางด้าน “ค้างคาวไฟ” ยังคงต้องรั้งอันดับที่ 8 ด้วย 43 แต้ม ต่อไป พร้อมทั้งยังคงต้องลุ้นตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรป ในฤดูกาลหน้า อีกในนัดที่เหลือ ของศึก ลาลีกา สเปน ต่อไป
เครดิตรูปภาพ : Real Madrid C.F., Valencia CF
ข่าวสาร กระแส กีฬาไทย และ กีฬาต่างประเทศ รวบรวมไว้ให้ที่นี่ครบจบในที่เดียว ไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน , โปรแกรมฟุตบอล , ฟุตบอลวันนี้ ,ฟุตบอลคืนนี้ ที่ vabpro.org