ข่าวกีฬาต่างประเทศ
นาธาน อาเก้ กองหลังเนื้อหอมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก
นาธาน อาเก้ ปราการหลังทีมชาติฮอลแลนด์ ของ “เดอะ เชอร์รีส์” บอร์นมัธ สโมสรดังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังตกเป็นเป้าหมายหลักในการเสริมทัพของ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ร่วมลีกในช่วงซัมเมอร์นี้
แม้จะมีอายุเพียงแค่ 24 ปี แต่ อาเก้ มีประสบการณ์มากกว่า 8 ปี กับการค้าแข้งในลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ หลังจากที่เขาย้ายจาก เฟเยนูร์ด ในศึกเอริวิซี่ ฮอลแลนด์ มาเล่นกับ เชลซี เมื่อปี 2011 ในสมัยที่เขายังเป็นดาวรุ่ง
จากสถิติผู้เล่นใสตำแหน่งกองหลังของศึกพรีเมียร์ลีกปัจจุบันที่มีอายุ 25 ปีหรือต่ำกว่านั้น มีเพียง เฮคเตอร์ เบเยริน ฟูลแบ็คชาวสเปน ของ อาร์เซนอล และ จอห์น สโตน กองหลังหลังทีมชาติอังกฤษของ แมนฯซิตี้ เพียง 2 รายเท่านั้น ที่ได้ลงสนามมากกว่า อาเก้
ในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพของ อาเก้ นั้น เขาเคยเจอกับความยากลำบาก ซึ่งย้อนกลับไปในปี 2012 มันเป็นฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวมีโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ละมีโอกาสลงสนามเพียง 5 นัด และต้องลงเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดอย่าง มิดฟิลด์ตัวรับ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2015 อาเก้ ตัดสินใจย้ายออกจาก เชลซี เพื่อหาโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอด้วยการไปเล่นกับ วัตฟอร์ด ด้วยสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาล ซึ่งเขาได้ลงสนามให้กับทัพ “แตนอาละวาด” ไปมากถึง 23 เกม ในตำแหน่งแบ็คซ้าย และมีบางครั้งที่ถูกขยับมายืนเป็นกองหลังตัวกลาง
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ อาเก้ เกิดขึ้นในฤดูกาล 2016-2017 ซึ่งเขาย้ายไปเล่นกับ บอร์นมัธ ด้วยสัญญายืมตัวอีกเช่นกัน โดย เอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีม “เดอะ เชอร์รีส์” ตัดสินใจให้เขาเริ่มเล่นในตำแหน่งกองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และเขาก็ทำผลงานได้สุดยอดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จากฟอร์มการเล่นอันสุดยอด ทำให้ บอร์นมัธ ยอมทุ่มเงิน 20 ล้านปอนด์ คว้าตัว อาเก้ ไปเสริมทัพเป็นการถาวรในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 และจนถึงตอนนี้ แข้งชาวดัตช์ ลงสนามให้กับ “เดอะ เชอร์รีส์” รวมทุกรายการไปทั้งสิ้นไปเกือบ 100 เกมแล้ว
พัฒนาการ อาเก้ นั้น แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจ และศักยภาพของเขาที่สามารถทำได้ดีกว่านี้อีกในนาคต ซึ่งมันดึงดูดความสนใจของ เปป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯซิตี้ และ แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ เชลซี ที่พร้อมจะทุ่มเงินประมาณ 40 ล้านปอนด์ คว้าลายเซ็นของเขาไปครอบครอง
อาเก้ จะเป็นกำลังเสริมชั้นยอดของสโมสรใดสโมสรหนึ่งที่ได้ตัวเขาไปเสริมทั้พ เขาพร้อมจะมอบความรวดเร็ว ความสม่ำเสมอ ความแข็งแกร่ง และประสบการณ์ที่โชกโชนให้กับทีม ในวัยเพียง 24 ปี มันเป็นการทำธุรกิจที่คุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับอนาคต
เครดิตรูปภาพ : sportslens.com , skysport.com , goal.com
ข่าวสาร กระแส กีฬาไทย และ กีฬาต่างประเทศ รวบรวมไว้ให้ที่นี่ครบจบในที่เดียว ไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน , โปรแกรมฟุตบอล , ฟุตบอลวันนี้ ,ฟุตบอลคืนนี้ ที่ vabpro.org
โอเล่ กุนาร์ โซลชา ผู้มอบชีวิตตัวเองให้กับ “ปีศาจแดง”
ในโลกยุคปัจจุบันนี้ ผู้คนในโซเชียลมีเดียต่างแสดงออกให้ทุกคนได้เห็นว่า ชีวิตของพวกเขาสมบูรณ์แบบ แต่มันไม่ใช่สำหรับ โอเล่ กุนาร์ โซลชา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เปิดเผยว่า “ชีวิตของพวกเขาทุกคนดูสมบูรณ์แบบ แต่ในความเป็นจริงแล้วชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก”
โซลชา ซึ่งเป็นอดีตหัวหอกของ แมนฯยูไนเต็ด นั้น คุมทัพ “ปีศาจแดง” เป็นซีซั่นที่ 2 แล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า การได้มาทำงานกับอดีตต้นสังกัดเก่าเป็นเหมือนงานในฝัน และมันเป็นงานที่ต้องยอมรับว่า ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้รับหน้าที่นี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเป็นไปได้ง่านๆ
โค้ชชาวนอร์เวย์ เล่าว่า “ชีวิตผมมันเหมือนกับรถไฟเหาะ แต่มันยอดเยี่ยมมากเลยนะ ซึ่งบางทีผมไม่คิดว่า ตัวเองจะได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานแบบนี้ แต่ลึก ๆแล้วในใจผมมักจะฝันถึงงานนี้อยู่เสมอ ชีวิตคนเรามันก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ตลอดเวลา”
“ผมไม่จำเป็นต้องออกจากสโมสรถ้าเราทำผลงานได้ดี และผมก็ไม่เคยหนีถ้าเราได้ผลการแข่งขันที่ไม่ต้องการ เพราะมันเป็นเรื่องของเกมการแข่งขัน มันเป็นเรื่องของความสำเร็จ และทุกสโมสรต่างต้องการผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่เสมอในวงการฟุตบอล ผมคิดว่า ตัวเองเป็นเพียงคนคนหนึ่ง ผมแค่ตั้งตารอคอยโอกาสของตัวเองต่อไป”
“ผมจะทำให้แน่ใจว่า เราทำงานได้ในทิศทางที่ถูกต้อง และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง คุณจะต้องใช้เวลาในการดูรายละเอียดต่างๆเพื่อชัยชนะ และรับมือกับความพ่ายแพ้ด้วยความคิดที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับเมื่อคุณทำผลงานได้ดี” โซลชา กล่าว
ขณะเดียวกัน ตัวตน และบุคลิกของ โซลชา แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยที่เขายังเป็นนักเตะของ แมนฯยูไนเต็ด เขายืนยันว่า กำลังสร้างความคืบหน้า ปรับปรุง และพัฒนาสิ่งต่างๆในหมู่ผู้เล่นของ “ปีศาจแดง” ร่วมกับทีมงานทุกคนทั้งภายใน และภายนอกสนาม
นอกจากนี้ โซลชา ยังเป็นคนอบโอกาสให้บรรดานักเตะดาวรุ่งของ แมนฯยูไนเต็ด อย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวูด, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ และสก็อต แมคโทมิเนย์ เข้ามามีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่ของ “ปีศาจแดง” อย่างต่อเนื่อง
โซลชา กล่าวทิ้งท้ายว่า “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาอย่างที่ทุกสโมสรจะต้องทำในวงการฟุตบอล เราเป็นทีมที่มีผู้เล่นอายุน้อยอยู่หลายคน ซึ่งมันยังไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก แต่คุณจะไม่มีทางเห็นเรายอมแพ้ในการแข่งขันในสนาม และผมยืนยันได้ว่า คุณจะไม่เห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
เครดิตรูปภาพ : skysports.com , manutd.com
ข่าวสาร กระแส กีฬาไทย และ กีฬาต่างประเทศ รวบรวมไว้ให้ที่นี่ครบจบในที่เดียว ไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน , โปรแกรมฟุตบอล , ฟุตบอลวันนี้ ,ฟุตบอลคืนนี้ ที่ vabpro.org
มิเคล อาร์เตต้า กับการเปลี่ยนทัศนคิตแข้ง อาร์เซน่อล
ในเวลานี้ บรรยากาศในทีม อาร์เซนอล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นความโล่งอกบวกกับความสุข และที่สำคัญกว่านั้นคือ ความรู้สึกได้ว่า ได้รับผลตอบแทนจากการทำงานหนักทั้งหมดในระยะเวลาอันสั้นภายใต้การคุมทีมของ มิเคล อาร์เตต้า กุนซือ ชาวสเปนที่เข้ามากุมบังเหียนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา
แม้ อาร์เซน่อล ยุคใหม่ภายใต้การนำของ อาร์เตต้า จะยังมีฟอร์มการเล่นที่ไม่สม่ำเสมอนัก แต่ทัศนคติของนักเตะก็กำลังเป็นไปในเชิงบวกสำหรับผู้เล่นของเขา โดย นายใหญ่ “เดอะ กันเนอร์ส” ระบุว่า ทีมของเขาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
นับตั้งแต่ อาร์เตต้า เข้ามาคุมทีมนั้น นักเตะ อาร์เซนอล แทบไม่มีวันหยุดพักผ่อนมากนัก พวกเขาใช้เวลาทำงานกับรูปแบบการเล่นใหม่ และการจัดโซนเกมรับเมื่อไม่มีลูกบอล ซึ่งงานที่หนักหน่วงเหล่านี้กำลังได้รับผลตอบแทนกลับมา และจะเป็นประโยชน์ในอนาคต
อาร์เตต้า ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ และแท็คติคที่สำคัญ รวมทั้งวิสัยทัศน์ของนักเตะเมื่อได้รับลูกบอลว่า จะทำอะไรต่อไป นอกจากนี้ นักเตะ “ไอ้ปืนใหญ่” ยังฝึกซ้อมการผ่านบอลในแนวทแยงมุมเพื่อเปลี่ยนจังหวะการเล่นอีกด้วย
บรรดานักเตะ อาร์เซนอล ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเกี่ยวกับวิธีการเล่นที่พัฒนาขึ้น และมีความชัวร์มากขึ้นในช่วงการเปลี่ยนจังหวะทั้งในเชิงรุก และเชิงรับ รวมทั้งการคอนโทรลเกมเมื่อมีบอลอยู่ในการครอบครอง
ขณะเดียวกัน ทีมงานสตาฟฟ์ของ อาร์เซนอล ช่วยกันทำการวิเคราะห์วิดีโอคู่แข่งมากมายเพื่อนำมาปรับปรุงในสนามซ้อม และมันเป็นสิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องการเพื่อให้ลูกทีมเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วกับกระบวนการต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไป
แม้ว่า เทรนเนอร์ชาวสเปน จะเพิ่งเข้ามาคุมทีมได้ไม่กี่เดือน แต่การเปลี่ยนแปลงที่ อาร์เซนอล นั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเปรียบเทียบกับยุคของ อูไน เอเมรี่ อดีตกุนซือ “ไอ้ปืนใหญ่” ที่โดนไล่ออกไป
การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นไม่ได้มีในเชิงแท็คติคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของจิตใจ และทัศนคติที่ อาร์เตต้า ประกาศตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาคุมทีมว่า ทัศนคติของผู้เล่น อาร์เซน่อล แต่ละคนจะต้องสมบูรณ์แบบ และพร้อมทำเพื่อทีม
อาร์เตต้า ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษให้กับ อาร์เซน่อล และมันจะเป็นจุดเริ่มต้นความสำคัญในการทำให้พลพรรค “เดอะ กันเนอร์ส” พัฒนาเป็นทีมระดับท็อป และกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลเมืองผู้ดีอีกครั้งในอนาคต
เครดิตรูปภาพ : skysports.com
ข่าวสาร กระแส กีฬาไทย และ กีฬาต่างประเทศ รวบรวมไว้ให้ที่นี่ครบจบในที่เดียว ไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน , โปรแกรมฟุตบอล , ฟุตบอลวันนี้ ,ฟุตบอลคืนนี้ ที่ vabpro.org
วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ หัวใจแดนกลางของ เลสเตอร์ ซิตี้
วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ มิดฟิลด์ทีมชาติไนจีเรีย ของ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้น ถือว่า กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของพลพรรค “สุนัขจิ้งจอก” ภายใต้การนำทัพของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ชาวไอร์แลนด์เหนือ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เอ็นดิดี้ ถือเป็นกองหลางตัวตัดเกมหน้าแนวรับคนสำคัญของ เลสเตอร์ เขาคอยไล่ตัดบอลจากแนวรุกคู่แข่ง และเป็นคนคอยสนับสนุนให้ เจมส์ เมดดิสัน จอมทัพชาวอังกฤษ และ ยูริ ตีเลอม็องส์ กองกลางทีมชาติเบลเยี่ยม คอยสร้างสรรค์เกม
เมดดิสัน กล่าวถึง เอ็นดิดี้ ผ่าน “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำของประเทศอังกฤษว่า “ผมคิดว่า เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการตัดบอลกลับคืนมาสู่ทีม ผมรู้ว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม และเอ็นดิดี้ ก็เป็นแบบเดียวกัน”
“ในความเป็นจริงแล้วการตัดบอลกลับมา และการไล่แย่งบอลจากคู่แข่ง ผมไม่คิดว่าจะมีใครดีไปกว่า วิลเฟร็ด อีกแล้ว บางครั้งคุณก็ได้รับสิ่งที่สุดยอดจากนักเตะแบบนี้ แต่บางครั้งเขาก็ไม่ได้พูดถึงมากนัก แต่ในฐานะเพื่อนร่วมทีมผมตระหนักดีว่า เขาผู้เล่นระดับท็อป”
“เขาสุดยอดมากในสิ่งที่เขามอบให้กับเรา เขาทำให้ผู้เล่นอย่างผม และ ยูริ ตีเลอม็องส์ ทำในสิ่งที่เราทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะเรารู้ว่า เรามีนักเตะที่มีความแข็งแกร่งที่อยู่ข้างหลังเรา” มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ กล่าว
สิ่งที่ เอ็นดิดี้ ทำฤดูกาลนี้ มันเหมือนกันกับที่เขาเคยทำเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งก็คือ เขาทำสถิติเป็นนักเตะที่ตัดบอลจากคู่แข่งได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก รวมถึงเก็บบอลจังหวะสองได้มากที่สุดอีกด้วย โดยสถิติเหลานี้ สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ กองกลางไนจีเรีย ภายในทีม เลสเตอร์ และแสดงให้เห็นว่า เขาเป็นนักเตะที่สุดยอดเพียงใด
ตามที่ เมดดิสัน เคยกล่าวไว้ว่า การมีผู้เล่นอย่าง เอ็นดิดี้ อยู่ในทีมนั้น มันส่งผลให้นักเตะคนอื่นๆมีความมั่นใจ และกล้าที่จะเล่นมากกว่าเดิม เพราะ แข้งวัย 22 ปี พร้อมจะคอยปกป้องแนวรับ และพร้อมจะเติมเกมบุกเมื่อมีจังหวะด้วยเช่นกัน
ร็อดเจอร์ส เข้าใจความสำคัญของ เอ็นดิดี้ เป็นอย่างดี โดยระบุว่า “เขาเป็นผู้เล่นที่น่าเหลือเชื่อ เขาอาจเป็นผู้เล่นที่ไม่ได้รับการพูดถึงมากเท่าที่ควร แต่เขาพร้อมทำงานหนักเพื่อทีม เขามีควาดคิดยอดเยี่ยมสำหรับเกมฟุตบอล เขาสามารถคาดเดาจังหวะอันตรายได้ และช่วยทีมได้เสมอ”
“เมื่อคุณเล่นเกมที่รวดเร็ว คุณต้องมีใครสักคนอย่าง เอ็นดิดี้ อยู่ในทีม เขาสามารถปิดพื้นที่ว่างให้เราได้ และเขายังสามารถพาบอลขึ้นหน้าไปได้ด้วยตัวเอง เขากำลังพัฒนาขึ้นมาก และเล่นได้ดีขึ้นในแนวทางของเรา เขากำลังทำในสิ่งที่เราต้องการ”
“เขามีบทบาทที่ชัดเจนในการปกป้องแนวรับของเรา รวมถึงเชื่อมโยงเกมผู้เล่นในแนวรุก การเล่นของเขาดูเรียบง่าย เขาเพียงต้องการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม และเขายังเป็นตัวเลือกในการผ่านบอลของกองหลัง และฟูลแบ็กด้วย” กุนซือ “สุนัขจิ้งจอก” กล่าว
เครดิตรูปภาพ : skysports.com
ข่าวสาร กระแส กีฬาไทย และ กีฬาต่างประเทศ รวบรวมไว้ให้ที่นี่ครบจบในที่เดียว ไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน , โปรแกรมฟุตบอล , ฟุตบอลวันนี้ ,ฟุตบอลคืนนี้ ที่ vabpro.org
แฟร์นานดินโญ่ สุดยอดผู้นำแห่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในช่วงที่ผ่านมา เปป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการจับ แฟร์นานดินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรับชาวบราซิล ไปยืนเป็นกองหลังตัวกลาง ในช่วงที่ จอห์น สโตน และอายเมริค ลาปอร์เต้ 2 แนวรับคนสำคัญได้รับาดเจ็บ
กูรูรายหนึ่งเคยวิจารณ์กรณีที่ กวาร์ดิโอล่า จับ แฟร์นานดินโญ่ ไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ผ่าน “สกายสปอร์ต” สื่อกีฬาชั้นนำประเทศอังกฤษว่า “แฟร์นานดินโญ่ ต้องเล่นในตำแหน่งกองกลาง มันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่สำหรับ กวาร์ดิโอล่า ที่จับเขามาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ”
อย่างไรก็ตาม กวาร์ดิโอล่า มีสิทธิที่จะพอใจในแนวทาง และการตัดสินใจตัวเอง เพราะเขาได้เห็น แฟร์นานดินโญ่ มากกว่าใครในสนามซ้อม และคลุกคลีอยู่กับนักเตะตลอดเวลา ดังนั้น โค้ชชาวสเปน คิดว่า คงแป้นตำแหน่งที่เหมาะสมของ ดาวเตะแซมบ้า แล้ว
กวาร์ดิโอล่า เคยให้สัมภาษณ์ว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักฟุตบอลที่เล่นมาตลอดอาชีพในตำแหน่งมิดฟิลด์หมายเลข 8 เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่มีสปีดจัดคนอื่นๆมากมายในพรีเมียร์ลีก แต่เขาฉลาดมาก เขาเล่นได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ”
ฟอร์มการเล่นในช่วงที่ผ่านมานั้น แฟร์นานดินโญ่ จัดการทุกด้านของการป้องกันในเกม และสามารถกระจายบอลขึ้นเกมรุกจากแดนหลังไปทั่วสนามจากตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องการเป็นอย่างยิ่ง
ดาบิด ซิลบา ตัวรุกชาวสเปน รับตำแหน่งกัปตันทีม แมนฯซิตี้ ต่อจาก แว็งซองต์ กอมปานี กองหลังชาวเบลเบียมที่อำลาทีมไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และต่อจาก ซิลบา ก็ไม่มีนักเตะคนใดอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” นานกว่า แฟร์นานดินโญ่ อีกแล้ว
กวาร์ดิโอล่า ระบุว่า “แฟร์นานดินโญ่ เป็นผู้นำตัวจริงของเรา เขาเป็นผู้นำที่เหลือเชื่อสำหรับสโมสรแห่งนี้ ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่า ผมจะไม่มีวันลืมสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ได้ทำเพื่อสโมสร สำหรับผมในฐานะผู้จัดการทีม แมนฯซิตี้ และในช่วงนี้ที่เราทำงานด้วยกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะลืมความทุ่มเทของเขา”
“ผมขอให้เขาไปเล่นด้านขวา เขาก็ไป ขอให้ไปเล่นด้ายซ้าย เขาก็ไป เขาเล่นโดยไม่มีข้อเรียกร้องใดๆเลย เขาเล่นได้หลายตำแหน่ง และฟอร์มการเล่นรของเขาก็อยู่ในระดับสูงอย่างไม่น่าเชื่ออยู่เสมอ” กวาร์ดิโอล่า กล่าว
แฟร์นานดินโญ่ ไม่ใช่นักเตะที่หิวเงิน เขายังคงเป็นนักเตะสำคัญของ แมนฯซิตี้ และในความเป็นจริงตอนนี้ ดาวเตะแซมบ้าวัย 34 ปี มีความสำคัญต่อ “เรือใบสีฟ้า” มากกว่าที่เคยเป็นมาเสียอีก
เครดิตรูปภาพ : skysports.com
ข่าวสาร กระแส กีฬาไทย และ กีฬาต่างประเทศ รวบรวมไว้ให้ที่นี่ครบจบในที่เดียว ไฮไลท์ฟุตบอลเมื่อคืน , โปรแกรมฟุตบอล , ฟุตบอลวันนี้ ,ฟุตบอลคืนนี้ ที่ vabpro.org